มหัศจรรย์ความรักข้ามทะเล

2015/5/31 / ลิดา นำ้ผึ้งหวาน / มหัศจรรย์ความรักข้ามทะเล / ไทย 泰國 / 無

มหัศจรรย์ความรักข้ามทะเล

     นิว ... หญิงสาวที่เกิดในประเทศไทย เธอเป็นคนไทยแท้ด้วยเชื้อชาติและถิ่นกำเนิด เธอเลือกเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง จากชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ค่อยสนใจ พบปะ หรือพูดคุยกับใคร นั่นอาจจะเป็นเพราะความเขินอายและความไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้ทัศนะคติของการเลือกคู่ของเธอนั้นแตกต่างจากคนอื่นไปบ้าง นิวจึงกลายเป็นสาวโสดที่ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง นานถึง 30 ปีในวันที่นาฬิกาผ่านเที่ยงคืนวันครบรอบวันเกิด นิวเริ่มถามตัวเองว่า “ฉันจะเป็นโสดอย่างนี้เหรอ ฉ้นจะขึ้นคานมั้ย จะได้แต่งงานหรือป่าว” ทำให้นิวเกิดความกลัวและความหว้าเหว่ขึ้นมาในหัวใจ หากจะมองเพื่อนๆที่อยู่รอบข้างกาย ใครๆเขาก็ต่างมีคู่กันหมดแล้ว เหลือก็แต่ตัวของนิวเองนี่แหละ ที่ยังใช้ชีวิตลำพัง แบบเดิมๆในทุกๆวัน
     แต่แล้ววันหนึ่ง...เธอก็เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองโดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อเพื่อหาคู่ครองหรือเนื้อคู่ โดยเป้าหมายคู่ครองที่เธอหวังนั้นก็คือชาวต่างชาติ และด้วยความหวังว่าชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเดิม ผู้ชายที่เธอหวัง จะต้องเป็นผู้ชายที่รักเธอจริง อยู่ร่วมกับเธอได้ พร้อมทั้งเข้าใจเธอ และมันจะเป็นอะไรที่พิเศษมาก หากเขาคนนั้นสามารถนำเธอไปสู่โลกอีกแบบหนึ่งซึ่งจะไม่เหมือนกับชีวิตที่เธอมีอยู่ตอนนี้ ในเมื่อนิวตั้งเป้าหมายสำหรับคู่ครองของตัวเองแล้ว สังคมออนไลน์คงเป็นช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับการเปิดโลกของเธอให้กว้างไกล เธอเลือกที่จะเป็นหนึ่งคนในโลกของเว็บไซด์ยอดฮิต โดยเธอสร้างโปรไฟล์ที่บ่งบอกว่านี่คือตัวเธอ พร้อมทั้งโพสรูปภาพของตัวเองลงไปบนนั้น จนใครหลายคนรู้จักเธอในชื่อ ... นิว  ไม่นานนักหลังจากที่นิวได้โพสต์ภาพเของตัวเองลงบนอินเตอร์เน็ต เธอก็ได้เจอชายหนุ่มชาวไต้หวัน คนที่เธอรู้สึกถูกใจและอยากลองคบหาเพื่อเลื่อนสถานะให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และดูท่าว่าทุกอย่างจะไปได้สวยงามเหมือนดั่งเทพนิยาย ชายคนนั้นเดินทางมาหาเธอถึงเมืองไทย ด้วยความหวาน ความโรแมนติกและความเข้าใจ ทำให้นิวได้ตกหลุมรักชายคนนี้จนไม่อาจจะถอนหัวใจตัวเองออกไปไหน เธอบอกกับตัวเองว่าเธอชอบชายคนนี้ หนุ่มไต้หวันคนนี้แหละที่ทำให้เธออยากสละความโสดทิ้งไป เขาทำให้เธอเพ้อหา คะนึงถึง และอยากสัมผัสใกล้ชิดแทบจะทุกเวลา ทั้งหมดที่เธอรู้สึกมันคือความรัก เธอเข้าใจมันดี และในเมื่อคนทั้งสองมีความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน ความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนก็ขยับเข้ามา เธอตกลงใจกับชายหนุ่มไต้หวันคนนี้ เพื่อจะลองคบหาและดูใจกันในฐานะแฟน เขาคอยดูแลเธอ ในขณะที่เธอก็ตกลุมรักเขาหลายครั้งต่อหลายครั้ง ทั้งคำพูด การกระทำ และความห่วงใย ทุกอย่างมันคือความอบอุ่นที่นิวไม่เคยได้สัมผัส เธอตกหลุมอยู่กับความรักสีชมพูนี้นานจนเวลาผ่านไปถึงสองปี ฝ่ายชายก็ขอเธอแต่งงานด้วยคำพูดแสนหวาน   “แต่งงานกับผมนะครับ เราจะสร้างชีวิตที่มีความสุขด้วยกัน ผมสัญญา”
     นิวรู้สึกปราบปลื้มและยินดีที่ชายไต้หวันคนนี้ก็หลงรักเธอไม่แพ้ไปจากที่เธอหลงรัก ทั้งยังเป็นฝ่ายขอแต่งงานและสัญญาจะปลูกรักมั่น สร้างความสุขที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน และในเมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ฝัน เขาและเธอมีความคิดและความรู้สึกที่ตรงกัน พิธีแต่งงานก็ได้ถูกจัดขึ้น พร้อมกับการดำเนินชีวิตในทิศทางใหม่ บนเส้นทางของคำว่า .. ครอบครัว ทว่าฝ่ายชายกลับมีข้อขอร้องขึ้นมาหนึ่งประการ เขาขอให้เธอย้ายไปอยู่ที่ไต้หวันด้วยกัน สร้างชีวิตใหม่ที่มีแต่เรา ด้วยความรัก...นิวก็ได้ตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลที่ไกลแสนไกล เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันกับสามี (ภาษาจีน เรียกว่า เหล๋ากง)ของเธอ และด้วยความที่ทั้งคู่เป็นคนละเชื้อชาติ การสิ่งสารระหว่างกันยังคงต้องอาศัยภาษากลางอย่างเช่นภาษาอังกฤษและภาษามือบ้างในการเพื่อเพิ่มความเข้าใจกันง่ายขึ้น ซึ่งในบางครั้งอาจจะมีความผิดพลาดกันได้ นั้นคือความแตกต่างในด้านความคิด นิสัยความเคยชิน และวัฒนธรรม  นิวรู้ว่าตนจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสามีเธอให้ได้มากกว่านี้ เพื่อการใช้ชีวิตในไต้หวันจะได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคมากนั่นคือมิตรภาพระหว่างบุคคลที่เราเรียกกันว่าเพื่อน ที่นี่นิวไม่มีเพื่อนเลย มีเพียงแต่สามีและครอบครัวของสามีเท่านั้น  เธออาศัยอยู่กับพ่อ แม่  และหลาน รวมกันอยู่ 7คน นับว่าเป็นครอบครัวใหญ่เลยทีอยู่เดียว  ซึ่งนิวรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวนี้  อยู่รวมกันหลายคน ทุกคนเป็นคนดี เป็นคนมีน้ำใจ ยิ้มแย้มทักทายกันตลอดเวลา ทำให้นิวมีความสุขที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ปัญหาของนิวก็คือ...ไม่สามารถใช้ภาษาจีนพูดคุยกับครอบครัวได้เลย  เธอได้แต่ยิ้มและสื่อสารคำพูดง่ายๆ เช่น สวัสดี (หนี๋ห๋าว) ขอบคุณค่ะ (แซ่ะแซะ) หรืออาหารอร่อยจังเลย (ฟ่านฮาวฮาวชือ) แม่ของสามีเอ็นดูนิว และไม่ยอมให้นิวช่วยงานบ้านเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งนั่น ...นิวเองก็รู้สึกอึดอัด การที่เห็นแต่แม่สามีเป็นคนจัดการงานบ้านทุกอย่าง รวมถึงเรื่องอาหารที่จะต้องจัดเตรียมทุกมื้อให้กับครอบครัว  นิวพยายามจะพูดคุยกับแม่สามี อยากจะช่วยเขาในเรื่องงานบ้านบ้าง  เรื่องทำอาหารบ้าง และสุดท้ายแม่ของสามีก็ยอมให้เธอช่วยเหลืองานบ้านที่ง่ายๆ  และยังบอกกับนิวว่า  “อยู่ที่นี่เธอต้องพูดภาษาจีนให้ได้เพื่อตัวเธอเอง ”  นิวพยายามที่ฝึกพูดภาษาจีน เพื่อจะพูดและปรับตัวให้เข้ากับคนที่นี่ แต่บางครั้งเธอต้องร้องไห้เพราะคิดถึงบ้าน พ่อแม่ เพื่อน และรสชาติอาหารไทย รวมถึงภาษาไทยที่เธอเคยได้พูดเป็นประจำ  สามีเธอเข้าใจและคอยปลอบใจเธอเสมอ บางครั้งก็พาเธอไปกินข้าวในร้านอาหารไทยเพื่อคลายความคิดถึงบ้าน เป็นการแสดงออกถึงความรัก และความเอาใจใส่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้นิวประทับใจ
     ในเมื่อทุกคนอยากให้นิวพูดภาษาจีนได้ นิวก็ไม่ขัดและอยากจะศึกษาด้านนี้เพื่อในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามีของเธอได้พาเธอไปสมัครเรียนภาษาจีนที่มหาลัยแห่งหนึ่งในไทเป ซึ่งเปิดสอนภาษาจีนให้กับชาวต่างซาติ  วันแรกที่นิวเข้าชั้นเรียน ได้เจอเพื่อนร่วมชั้น หลายประเทศ เช่น เกาหลี ฮ่องกง ญี่ปุ่น ฯลฯ และเธอ..คือสาวไทยเพียงคนเดียวในห้อง นิวได้แต่ส่งยิ้มให้กับเพื่อนร่วมชั้นเป็นการทักทาย จนกระทั่งครูผู้สอนได้เข้ามาในชั้นเรียน แนะนำตัวภาษาจีนและภาษาอังกฤษง่ายๆ ทำให้นิวเข้าใจและอยากจะเรียนวิชานี้เพิ่มขึ้นไปอีก สิ่งแรกครูผู้สอนให้นักเรียนในชั้นทำ คือให้นักเรียนเขียนชื่อตัวเองเพื่อแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก  นิวไม่เคยคิดว่าตนจะได้เขียนภาษาจีน และเธอก็เขียนไม่ได้เลย ครูให้เธอเขียนตัวอักษรจีน “ฉัน”(หว๋อ) นิวก็ได้แต่ปฏิเสธ มีเพียงนิวคนเดียวในชั้นที่เขียนไม่ได้ มันทำให้นิวรู้สึกเสียใจ และเกิดท้อแท้ขึ้นมาในความคิด ว่าฉันทำไม่ได้ ฉันไม่อยากจะเรียนแล้ว ทำไมยากจัง เป็นคำถามขึ้นมาเยอะมากในหัวของเธอ  นิวไม่เข้าใจที่เธอครูสอนเลยจนกระทั้งหมดเวลาชั้นเรียน และเมื่อถึงบ้านนิวได้เล่าให้สามีฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ สามีคอยให้กำลังใจเธอ ช่วยแนะนำวิธีการเขียนให้เธอ  ทำให้นิวได้รู้วิธีการเขียนเริ่มต้นนิดหน่อย พอจะเขียนชื่อตัวเธอเองได้ และก็พร้อมที่จะลองทำใหม่อีกครั้งพรุ่งนี้ในชั้นเรียน ความคิดที่เคยถอดใจแต่แรก ก็เป็นความคิดที่สนุกไปกับมัน นิวเข้าชั้นเรียนอีกวันในอารมณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งครูได้ให้นิว ลองฝึกเขียนอีกครั้ง และครั้งนี้นิวได้เขียนชื่อของตนเอง และ“ฉัน” (หว๋อ) เป็นตัวอักษรจีนได้ เพื่อนทุกคนตบมือให้นิว ทำให้นิวมีความสุขและสนุกในวันเรียนวันนั้นทั้งวัน  นิวเข้ากับเพื่อนและสนุกกับการเรียนภาษาจีน  ทำให้ภาษาจีนของเธอได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งเธอมั่นใจในตัวเองมากขึ้นที่จะพูดคุยกับคนอื่นๆ หรือการไปตลาดซื้อของด้วยตัวเธอเอง วันหนึ่งแม่สามีบอกให้นิวช่วยไปซื้อผักใบโหระพา หรือภาษาจีนเรียกว่า (โจ๋เฉินถา)ช่วงที่นิวเดินเลือกดูผักชนิดต่างๆอยู่นั้น เจ้าของร้านผัก ก็ถามว่าอยากจะซื้อผักอะไร(หนี๋เย้าม๋ายเซมมะ)  นิวพูดบอกว่าอยากซื้อใบโหระพา (หว๋อเย้าม๋ายโจ๋ เฉินฉา) เจ้าของร้านผักทำหน้าตกใจแล้วถามว่าทำไม (เว่ยเซมมะ) นิวคิดเจ้าของร้านผักคงฟังฉันไม่รู้เรื่องแน่ นิวก็เลยไปชี้ที่ผัก ใบโหระพา แล้วบอกว่าเอาอันนี้ (เย้าเจ้อเกอะ) เจ้าของร้านผัก หัวเราะขึ้นมาแล้วบอกว่า เธอพูดไม่ชัดเจน ฉันคิดว่าเธอจะให้เรียกตำรวจให้ (หนี๋ซัวปุ้ชิงฉู หว๋ออี๋เว่ยหนี๋เย้าจ้าวฉิ่งฉา)  นิวยิ้ม แล้วบอกว่าขอโทษค่ะ (ต้วยปุ้ฉี่หว๋อจงหวุนหายปุ้ไท้ฮ่าว)ภาษาจีนของฉันยังไม่ค่อยดี  เจ้าของร้านผักผู้ใจดีให้กำลังใจกับนิว และบอกเธอว่า ไม่เป็นไร ค่อยๆเป็นค่อยๆไป(เม่ยกวนซิ ม้านม้านไหล) นิว กลับจากตลาดเล่าเรื่องให้สามีและแม่สามีฟัง ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข ในวันนั้น
     หนึ่งปีเต็มที่นิวเรียนภาษาจีน เธอคิดว่าคงจะถึงเวลาที่เธอต้องทำงาน แบ่งเบาภาระให้กับสามีเธอบ้าง และช่วยเหลือทางบ้านเมืองไทยได้ด้วย นิวได้ทำงาน บริษัท ฯเอกชนแห่งหนึ่งในไต้หวัน นิวสนุกกับงานที่ทำ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากมายที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน  และในที่ทำงานของเธอ มีเพื่อนร่วมงานหลายประเทศ   หลากหลายภาษาและวัฒนธรรมรวมอยู่ด้วยกัน  ความคิดและมุมมองก็ต่างกัน  บางครั้งเห็นเพื่อนร่วมงานคุยกันเสียงดัง เหมือนพวกเขาทะเลาะกันแต่ไม่นานเขาก็หัวเราะกัน  เห็นแล้วก็อดที่จะหัวเราะด้วยไม่ได้  ประสบการณ์จากที่ทำงานเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและมีคุณค่ามาก เพราะได้เจอกับสถานกาณ์จริง ทั้งกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย รวมถึงลูกค้า ทำให้นิวเองได้ฝึกฝนเรียนรู้ และแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด ยิ่งไปกว่านั้นนิวได้พัฒนาการพูด การเขียน การฟัง รวมถึงการพิมพ์ภาษาจีนได้ดีขึ้นกว่าเดิม  นิวรู้ตนเองว่า นิสัยความเคยชินได้เปลี่ยนไป กล้าที่อยากพูดในสิ่งที่คิด  กล้าถามในสิ่งที่สงสัย  ซึ่งแตกต่างจากแต่ก่อนที่จะเฉยๆ เพราะคิดว่าไม่เป็นไร และปล่อยไป
     แต่ชีวิตเรามันไม่ได้มีอะไรเรียบง่าย ราบรื่นและหวานชื่นได้ตลอด ก็ต้องมีบ้างที่คู่สามีภรรยาต้องทะเลาะกัน กับสิ่งหรือเรื่องน้อยนิดที่ไม่เป็นเรื่อง ซึ่งได้เกิดขึ้นกับนิวและสามี  วันหนึ่งนิวได้ไปสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนและลืมดูเวลา ทำให้กลับบ้านค่ำและผิดเวลากับทุกๆ วัน เธอไม่ได้โทรบอกสามีว่าจะกลับบ้านผิดเวลา โทรศัพท์มือถือแบตหมด  เบอร์มือถือสามีก็ไม่สามารถที่จะจำได้ เพราะเคยชินดูเบอร์มือถือที่เครื่อง  ด้วยความเผอเรอ คิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร  แต่เมื่อนิวถึงบ้านไม่สามารถที่จะเข้าบ้านได้ ประตูบ้านถูกล็อกไว้  นิวเรียกสามีช่วยเปิดประตู  สามีที่นั่งอยู่ในบ้านนิ่งเฉย ไม่สนใจเธอ และวันนั้นพอดีตรงกับวันที่ว่าคนอื่นๆกลับบ้านต่างจังหวัดกันหมด และนิวเองก็ลืมหยิบกุญแจเวลาออกจากบ้านด้วย เธอยืนอยู่หน้าบ้านนานเกือบชั่วโมง สามีก็ยังไม่เปิดประตูให้ นิวเสียใจมาก เป็นครั้งแรกที่เธอเสียใจให้กับสามีอันเป็นที่รักของเธอ คนที่คอยเอาใจใส่ดูแลเธอ กลายเป็นคนใจร้าย ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจในตัวเธอ ซึ่งตนไม่ได้ทำผิดอะไรที่รุนแรง สามีทำไมต้องทำกับเธอขนาดนี้ นิวทำได้เพียงแต่นั่งหน้าบ้านรอพร้อมน้ำตาคลอ และไม่นานนักก็มีพี่สาวของสามีมาบ้าน  เพราะมาเอาของที่พ่อสามีลืมไว้ที่บ้าน เห็นนิวนั่งอยู่หน้าบ้านพอดี รีบเข้ามาถามนิวทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น  พี่สาวสามี ได้จับตัวนิวและพยุงลุกขึ้น ด้วยความเป็นห่วง  นิวกล่าวเหตุการณ์ให้กับพี่สาวฟังทั้งน้ำตา สามีใจร้ายไม่ยอมให้เข้าไปในบ้าน  เรียกตั้งนานก็ไม่สนใจ ฉันไม่รู้ฉันจะไปใหน ไม่มีกุญแจเข้าบ้าน ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขา  เขาไม่รักนิวแล้วเหรอ  นิวเสียใจอย่างหนัก และพลั้งพูดว่านิวจะกลับบ้าน ฉันอยากจะกลับเมืองไทย  ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว และพี่สาวสามี ได้บอกกับนิวว่า ใจเย็นๆไว้ก่อน ค่อยๆคุยกัน  เดี่ยวพี่จะลองเรียกดู เธอกอดนิวแน่น ทำให้นิวรู้สึกอบอุ่นเหมือนพี่สาวนิวจริงๆ  และไม่นานนักสามีได้เปิดประตูให้กับพี่สาวและก็ได้พูดกันอยู่ได้หลายประโยค ซึ่งต่อมาสามีก็เรียกนิวให้เข้ามาในบ้าน และก็ถามว่าไปใหนมา เพราะความเป็นห่วงก็เลยต้องโกรธมาก ตัดใจปิดล็อคประตูไว้ไม่ให้เข้า ได้แต่มองทางอยู่ตลอดเวลา สามีได้ค่อยๆอธิบายให้กับนิวรู้ว่า นี่คือการดัดนิสัยคุณ เลยลงโทษ  ถึงได้ทำเช่นนี้กับนิว  พี่สาวสามีเข้าใจความรู้สึกของนิวและสามี  และได้ตักเตือนว่า  ถึงสองคนต่างคนต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่เราก็ต้องศึกษาและเรียนรู้ไปด้วยกัน  เอาใจเขามาใส่ใจเรา บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลา ค่อยเรียนรู้กันและกัน  อย่าเอาปัญหาเล็กๆน้อยมาทำให้เข้าใจกันผิดอย่างนี้อีก มันอาจจะเป็นผลไม่ดีเกิดขึ้นต่อไปได้  ซึ่งนิวก็โกรธ พูดด้วยอารมณ์ว่าอยากจะกลับเมืองไทยนั้นหมายถึงว่าอาจจะต้องเลิกรากันไป  พวกคุณต้องอดทนกันให้มากขึ้น คิดถึงอนาคตของครอบครัวให้มากๆ  และต่อมาสามีก็ขอโทษนิว  ฝ่ายนิวเองก็รู้สึกผิด และก็ได้ขอโทษสามีคืน พร้อมทั้งรับปากว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก และจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้สามีและนิวยิ่งเข้าใจและให้อภัยกันตลอดมา
     มันไม่ใช่เรื่องง่ายและมันก็ไม่ใช่ยากที่จะปรับตัวและเรียนรู้กันและกันของสามีและภรรยา และยิ่งสำคัญสำหรับสะใภ้ผู้ย้ายถิ่นฐาน มาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ยิ่งต้องอดทน ยอมรับและต่อสู้กับปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น พร้อมรียนรู้ไปกับมัน  แต่สำหรับนิวแล้ว ความรัก สามารถที่จะทลายปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพียงเพราะเรามีกันและกัน ยอมให้อภัยกัน ลืมปัญหาเล็กๆน้อย ๆ และทำตัวภรรยาที่น่ารัก และคอยดูแลสามีและครอบครัวให้ดีที่สุด...ตลอดไป